คุณกำลังอยู่ที่ ลูกค้าบุคคลทั่วไป
1. เปิดแอป UOB TMRW และเลือก ‘เปิดบัญชีกับ UOB’
2. เลือก ‘สมัครบริการ’ และกดสมัครในหน้าถัดไป
3. กรอกเบอร์มือถือ และอีเมล แล้วยืนยัน SMS-OTP
4. เลือกรูปแบบการสมัคร - เลือกเองตามใจคุณ
5. ตรวจสอบรายการผลิตภัณฑ์ที่จะสมัคร
6. ใส่โค้ดโปรโมชัน ถ้ามี แล้วกด ‘ต่อไป’ ถ้าไม่มีให้กด ‘ข้าม’
7. อ่านและรับทราบการเตรียมตัวก่อนสมัคร และนโยบายความเป็นส่วนตัว
8. ให้ความยินยอมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล จากนั้นกรอกข้อมูลตามบัตรประชาชน
9. เลือกวิธียืนยันตัวตนได้ 2 แบบ
10A. กรณียืนยันด้วยตู้ TMRW Kiosk – สแกนใบหน้า และกรอกใบสมัครต่อจนจบขั้นตอนที่ 16 จากนั้นนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่ตู้ TMRW Kiosk ภายใน 28 วัน
10B. กรณียืนยันด้วย NDID – ยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลง เลือกผู้ให้บริการยืนยันตัวตนและทำตามขั้นตอน จากนั้นกรอกใบสมัครต่อในแอป
11. กรอกข้อมูลเพิ่มเติมและเลือกที่อยู่สำหรับการจัดส่งเอกสารและบัตร
12. สร้าง Username และ Password
13. ตั้งรหัส Secure PIN 6 หลัก สำหรับทำธุรกรรมบนแอป
14. ยืนยันข้อมูลส่วนบุคคล และยอมรับเงื่อนไขต่างๆ
15. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลการสมัครแล้วกด “ตกลง”
16. สิ้นสุดขั้นตอนสมัคร รอรับ SMS/Notification แจ้งสถานะการสมัคร
1. เปิดแอป UOB TMRW และเลือก ‘เปิดบัญชีกับ UOB’
2. เลือก ‘สมัครบริการ’ และกดสมัครในหน้าถัดไป
3. กรอกเบอร์มือถือ และอีเมล แล้วยืนยัน SMS-OTP
4. เลือกรูปแบบการสมัครผลิตภัณฑ์ได้ 2 แบบ
5. ตรวจสอบรายการผลิตภัณฑ์ที่จะสมัคร
6. ใส่โค้ดโปรโมชัน ถ้ามี แล้วกด ‘ต่อไป’ ถ้าไม่มีให้กด ‘ข้าม’
7. อ่านและรับทราบการเตรียมตัวก่อนสมัคร และนโยบายความเป็นส่วนตัว
8. ให้ความยินยอมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล จากนั้นกรอกข้อมูลตามบัตรประชาชน
9. เลือกวิธียืนยันตัวตนได้ 2 แบบ
10A. กรณียืนยันด้วยตู้ TMRW Kiosk – ทำตามขั้นตอนสแกนใบหน้าบนแอป และนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่ตู้ TMRW Kiosk จากนั้นกรอกใบสมัครต่อในแอป
10B. กรณียืนยันด้วย NDID – ยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลง เลือกผู้ให้บริการยืนยันตัวตนและทำตามขั้นตอน จากนั้นกรอกใบสมัครต่อในแอป
11. กรอกข้อมูลเพิ่มเติม อัปโหลดเอกสารแสดงรายได้ และเลือกที่อยู่สำหรับการจัดส่งเอกสารและบัตร
12. ตั้ง Username และ Password เพื่อใช้ล็อกอินแอป
13. ตั้งรหัส Secure PIN 6 หลัก สำหรับทำธุรกรรมบนแอป
14. ยืนยันข้อมูลส่วนบุคคล ยินยอมการให้ข้อมูลเครดิตบูโร และยอมรับเงื่อนไขต่างๆ
15. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลการสมัครแล้วกด “ยืนยัน”
16. สิ้นสุดขั้นตอนสมัคร รอรับ SMS/Notification แจ้งสถานะการสมัคร
1. เปิดแอป UOB TMRW และเลือก “เข้าสู่ระบบ หรือ สร้าง username”
2. เลือก “สร้าง username ใหม่”
3. กรอกข้อมูลส่วนตัว
4. ใส่รหัส OTP ที่ได้รับทาง SMS
5. ใส่หมายเลขบัตรเครดิต หรือบัตรแคชพลัส
6. ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ จากนั้นสร้าง Username และ Password
7. กด “เข้าสู่ระบบ” เพื่อตั้งค่าล็อกอินและตั้งรหัส Secure PIN 6 หลัก
1. เปิดแอป UOB TMRW และเลือก “เข้าสู่ระบบ หรือ สร้าง username”
2. เลือก “สร้าง username ใหม่”
3. กรอกข้อมูลส่วนตัว
4. ใส่รหัส OTP ที่ได้รับทาง SMS
5. ใส่หมายเลขบัตรเดบิต/ บัตรเครดิต/ บัตรแคชพลัส และรหัสกดเงินของบัตร (ATM PIN)
6. ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ จากนั้นสร้าง Username และ Password
7. กด “เข้าสู่ระบบ” เพื่อตั้งค่าล็อกอินและตั้งรหัส Secure PIN 6 หลัก
1. เปิดแอปและกด ‘สมัคร’ ที่หน้าแรก (ไม่ต้องล็อกอิน)
2. เลือก ‘เปิดบัญชี บัตรเครดิต และ ยูโอบี แคชพลัส’
3. กรอกเบอร์มือถือ และอีเมล แล้วยืนยัน SMS-OTP
4. เลือกรูปแบบการสมัครผลิตภัณฑ์ได้ 2 แบบ
5. ตรวจสอบรายการผลิตภัณฑ์ที่จะสมัคร
6. ใส่โค้ดโปรโมชัน ถ้ามี แล้วกด ‘ต่อไป’ ถ้าไม่มีให้กด ‘ข้าม’
7. อ่านและรับทราบการเตรียมตัวก่อนสมัคร และนโยบายความเป็นส่วนตัว
8. ให้ความยินยอมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล จากนั้นกรอกข้อมูลตามบัตรประชาชน
9. เลือกวิธียืนยันตัวตนได้ 2 แบบ
10A. กรณียืนยันด้วยตู้ TMRW Kiosk – ทำตามขั้นตอนสแกนใบหน้าบนแอป และนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่ตู้ TMRW Kiosk ภายใน 28 วัน จากนั้นกรอกใบสมัครต่อในแอป (หากเปิดบัญชีเงินฝากเพียงอย่างเดียว การยืนยันตัวตนจะอยู่ที่ขั้นตอนสุดท้าย)
10B. กรณียืนยันด้วย NDID – ยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลง เลือกผู้ให้บริการยืนยันตัวตนและทำตามขั้นตอน จากนั้นกรอกใบสมัครต่อในแอป
11. กรอกข้อมูลเพิ่มเติม อัปโหลดเอกสารแสดงรายได้ และเลือกที่อยู่สำหรับการจัดส่งเอกสารและบัตร
12. ยืนยันข้อมูลส่วนบุคคล ยินยอมการให้ข้อมูลเครดิตบูโร และยอมรับเงื่อนไขต่างๆ
13. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลการสมัครแล้วกด ‘ยืนยัน’
14. สิ้นสุดขั้นตอนสมัคร รอรับ SMS/Notification แจ้งสถานะการสมัคร
1. ล็อกอินแอป และเลือก ‘บริการ’ ที่มุมขวาล่าง
2. เลือกสมัครบัตรเครดิต หรือ UOB Cash Plus
3. เลือกบัตรเครดิต/บัตรกดเงินสดที่ต้องการ
4. ตรวจสอบรายการผลิตภัณฑ์และเริ่มสมัครเลย
5. ตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล และใส่ข้อมูลตามบัตรประชาชน
6. เลือกวิธียืนยันตัวตนได้ 2 แบบ
หมายเหตุ: หากเคยยืนยันตัวตนที่ตู้ TMRW Kiosk แล้ว ระบบจะให้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันก่อนกรอกใบสมัครต่อ
7A. กรณียืนยันด้วยตู้ TMRW Kiosk – ทำตามขั้นตอนสแกนใบหน้าบนแอป และนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่ตู้ TMRW Kiosk จากนั้นกรอกใบสมัครต่อในแอป
7B. กรณียืนยันด้วย NDID – ยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลง เลือกผู้ให้บริการยืนยันตัวตนและทำตามขั้นตอน จากนั้นกรอกใบสมัครต่อในแอป
8. กรอกข้อมูลเพิ่มเติม อัปโหลดเอกสารแสดงรายได้ และเลือกที่อยู่สำหรับการจัดส่งเอกสารและบัตร
9. ยืนยันข้อมูลส่วนบุคคล ยินยอมการให้ข้อมูลเครดิตบูโร และยอมรับเงื่อนไขต่างๆ
10. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลการสมัครแล้วกด ‘ยืนยัน’
11. สิ้นสุดขั้นตอนสมัคร รอรับ SMS/Notification แจ้งสถานะการสมัคร
1. ล็อกอินแอป และเลือก ‘บริการ’ ที่มุมขวาล่าง
2. เลือก ‘ตรวจสอบสถานะการสมัคร’ ใต้หัวข้อ เช็คสถานะใบสมัคร
3. คุณสามารถติดตามสถานะใบสมัครของคุณได้ที่หน้านี้
4. คุณจะได้รับแจ้งผลการสมัครผ่าน Notification ของแอป และ SMS
1. เปิดแอป กด ‘เข้าสู่ระบบ’ แล้ว ใส่ Username และPassword
2. ใส่รหัส OTP ที่ได้รับทาง SMS
3. ตั้งค่าเปิดใช้งานการล็อกอินด้วยใบหน้า/ลายนิ้วมือ ให้คุณเข้าสู่ระบบครั้งถัดไปได้สะดวกขึ้น
4. เริ่มตั้งค่า Secure PIN โดยเลือกวิธียืนยันตัวตนได้ 2 แบบ
5. ตั้งรหัส Secure PIN 6 หลัก
6. รอ 2 นาทีเพื่อเปิดใช้งาน
7. ยืนยัน SMS-OTP เพื่อเปิดใช้งาน Secure PIN
8. ตั้งค่าการล็อกอินด้วย Secure PIN โดยเปิดโหมดใช้งาน กด ‘ตกลง’
9. ใส่ Secure PIN อีกครั้งเพื่อยืนยันการตั้งค่า
10. เข้าสู่ระบบสำเร็จ
1A. กรณีติดตั้งแอป UOB TMRW ใหม่ – เปิดแอปและเลือกปุ่มเข้าสู่ระบบ จากนั้นกด “ลืมรหัส?”
1B. กรณีมีแอป UOB TMRW และเคยล็อกอินแล้ว – เปิดแอปโดยเลือกเข้าสู่ระบบแบบ Password และกด “ลืมรหัส?”
2. กรอกข้อมูลส่วนตัว
3. ใส่รหัส OTP ที่ได้รับทาง SMS
4. เลือกวิธียืนยันตัวตนด้วย “หมายเลขบัตรเครดิต หรือบัตรแคชพลัส”
5. ใส่หมายเลขบัตรเครดิต หรือบัตรแคชพลัส
6. แอปจะแสดง Username ของคุณ โดยคุณสามารถเปลี่ยน Password และล็อกอินแอปได้ทันที
1A. กรณีติดตั้งแอป UOB TMRW ใหม่ – เปิดแอปและเลือกปุ่มเข้าสู่ระบบ จากนั้นกด “ลืมรหัส?”
1B. กรณีมีแอป UOB TMRW และเคยล็อกอินแล้ว – เปิดแอปโดยเลือกเข้าสู่ระบบแบบ Password และกด “ลืมรหัส?”
2. กรอกข้อมูลส่วนตัว
3. ใส่รหัส OTP ที่ได้รับทาง SMS
4. เลือกวิธียืนยันตัวตนด้วย “หมายเลขบัตร และรหัสกดเงินของบัตร”
5. กรอกหมายเลขบัตรเดบิต/ บัตรเครดิต/ บัตรแคชพลัส และรหัสกดเงินของบัตร (ATM PIN)
6. แอปจะแสดง Username ของคุณ โดยคุณสามารถเปลี่ยน Password และล็อกอินแอปได้ทันที
1. เลือก ‘โอนเงิน’ จากบัญชีที่ต้องการทำรายการ
2. เลือกบัญชียูโอบีของคุณ หรือ เลือกธนาคารยูโอบีและระบุหมายเลขบัญชี เพื่อโอนไปยังบัญชียูโอบีของผู้อื่น
3. ระบุจำนวนเงินที่ต้องการโอน
4. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อ ‘ยืนยัน’
5. ใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก (กรณีโอนเงินไปยังบัญชียูโอบีของผู้อื่น และยอดเงินถึงจำนวนที่กำหนดไว้)
6. ทำรายการสำเร็จ โดยสลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
1. เลือก ‘โอนเงิน’ จากบัญชีที่ต้องการทำรายการ
2. เลือกธนาคารปลายทางจากลิสต์ด้านล่าง
3. ระบุหมายเลขบัญชี และจำนวนเงินที่ต้องการโอน
4. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อ ‘ยืนยัน’
5. ใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก (กรณียอดเงินถึงจำนวนที่กำหนดไว้)
6. ทำรายการสำเร็จ โดยสลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
1. แตะที่ปุ่ม “City of TMRW” ที่หน้าบัญชี TMRW Savings Account
2. เลือกหรือกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการฝาก (โอนจากบัญชี TMRW Everyday ไม่เกิน 1 ครั้งต่อวัน)
3. คุณสามารถถอนเงินจาก City of TMRW โดยกดที่ “ถอนเงินเก็บ” มุมขวาบน
4. ระบุจำนวนเงินที่ต้องการถอน โดยเงินจะโอนเข้าบัญชี TMRW Everyday ของคุณ
1. ล็อกอินแอปและเลือกเมนู “รายการโอนเงินต่างประเทศ” ที่หน้าหลัก
การโอนเงินต่างประเทศผ่านแอปสามารถทำรายการได้เฉพาะวันทำการ ช่วงเวลา 8:30 น. – 16:30 น.
2. เลือกประเทศปลายทาง และ ระบุข้อมูลธนาคารปลายทาง (ชื่อ ที่อยู่ SWIFT Code)
3. ระบุข้อมูลบัญชีปลายทาง (ชื่อ เลขที่บัญชี ที่อยู่)
4. เลือกสกุลเงิน พร้อมระบุจำนวนเงิน เลือกวิธีการชำระค่าธรรมเนียม และระบุวัตถุประสงค์การโอนเงิน
5. ตรวจสอบและเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยันรายการ พร้อมใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก (กรณียอดเงินถึงจำนวนที่กำหนดไว้)
6. ส่งคำสั่งรายการโอนเงินต่างประเทศสำเร็จ โดยคุณสามารถตรวจสอบสถานะการทำรายการได้ที่ “รายการล่าสุด”
หากรายการถูกยกเลิก คุณจะได้รับ SMS แจ้งให้ทราบภายในวันที่ทำรายการ
1. เลือก ‘พร้อมเพย์’ ที่หน้าบัญชีที่ต้องการทำรายการ
2. เลือกประเภทของบัญชีพร้อมเพย์ปลายทาง
3. ระบุข้อมูลปลายทาง และจำนวนเงิน
4. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อ ‘ยืนยัน’
5. ทำรายการสำเร็จ โดยสลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
1. กด ‘สแกนจ่าย’ ที่หน้าหลัก
2. สแกน QR code/Barcode หรือสแกนภาพในอัลบั้มรูปของคุณ
3. เลือกบัญชีเพื่อตัดเงิน และตรวจสอบ/ระบุข้อมูลปลายทาง
4. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อ ‘ยืนยัน’
5. ทำรายการสำเร็จ โดยสลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
1. กด ‘มายพร้อมคิวอาร์’ ที่หน้าหลัก
2. แสดง QR/Barcode ให้ร้านค้าสแกนเพื่อตัดเงินจากบัญชีเงินฝากของคุณ (เลือกบัญชีเพื่อชำระเงินโดยกดที่ไอคอนดินสอ)
3. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อ ‘ยืนยัน’
4. ทำรายการสำเร็จ โดยสลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
1. เลือก ’โอนเงิน’ หรือ ‘จ่ายบิล’ จากบัญชีที่ต้องการทำรายการ
2. ระบุข้อมูลบัญชีปลายทาง/บิลที่ต้องการจ่าย จำนวนเงิน และแตะที่ไอคอนปฏิทินเพื่อตั้งวันที่ทำรายการ
3. เลือกวันที่ทำรายการ
4. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยันรายการ
5. ใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก (กรณียอดเงินถึงจำนวนที่กำหนดไว้)
6. เมื่อทำรายการสำเร็จ สลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
1. แตะที่เมนู ‘บริการ’ มุมขวาล่าง
2. เลือก ‘รายการล่วงหน้า’
3. ระบบจะแสดงรายการโอนเงิน/จ่ายบิลที่ตั้งไว้ล่วงหน้าทั้งหมด โดยคุณสามารถแตะที่ไอคอนดินสอเพื่อแก้ไขรายการ
1. เลือก ‘รายการโปรด’ ที่หน้าบัญชีเงินฝากของคุณ
2. เลือกที่แท็บ ‘ผู้รับเงิน’ และกดปุ่มเพิ่มรายชื่อผู้รับเงิน
3. เลือกประเภทรายการ
4. ระบุข้อมูลผู้รับเงินและยืนยันด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
5. เพิ่มรายการโปรดสำเร็จ
1. เลือก ‘รายการโปรด’ ที่หน้าบัญชีเงินฝากของคุณ
2. เลือกที่แท็บ ‘จ่ายบิล’ และกดปุ่มเพิ่มบิล
3. เลือกประเภทบิล
4. ระบุรายละเอียดของบิล และยืนยันด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
5. เพิ่มรายการโปรดสำเร็จ
1. แตะที่เมนู ‘บริการ’ มุมขวาล่าง
2. เลือก ‘วงเงินทำรายการต่อวัน’
3. เลือกประเภทวงเงินที่ต้องการแก้ไข
4. กำหนดวงเงินทำรายการสูงสุดต่อวัน
5. ตรวจสอบและยืนยัน รายละเอียด (กรณีที่ปรับวงเงินให้สูงขึ้น จะต้องใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก เพื่อยืนยัน)
6. วงเงินใหม่ของคุณจะมีผลทันที เมื่อทำรายการสำเร็จ
1. แตะที่เมนู ‘บริการ’ มุมขวาล่าง
2. เลือก ‘วงเงินที่ต้องใช้ Secure PIN’
3. เลือกประเภทรายการที่ต้องการแก้ไขวงเงิน
4. กำหนดจำนวนเงินที่ต้องใช้ Secure PIN อนุมัติรายการ
5. ตรวจสอบและยืนยัน รายละเอียด (กรณีที่ปรับวงเงินให้สูงขึ้น จะต้องใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก เพื่อยืนยัน)
6. วงเงินใหม่ของคุณจะมีผลทันที เมื่อทำรายการสำเร็จ
1. แตะที่ปุ่ม ‘ชำระคืน’ ที่หน้าบัญชี UOB i-Cash
2. เลือกบัญชีเงินฝากเพื่อจ่ายยอดสินเชื่อ และเลือกยอดเงินที่ต้องการจ่าย หรือกำหนดเอง
3. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยัน
4. ทำรายการสำเร็จ โดยสลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
1. แตะที่ปุ่ม ‘ชำระคืน’ ที่หน้าบัญชี UOB Home Loan
2. เลือกบัญชีเงินฝากเพื่อจ่ายยอดสินเชื่อ และเลือกยอดเงินที่ต้องการจ่าย หรือกำหนดเอง
3. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยัน
4. ทำรายการสำเร็จ โดยสลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
1. แตะที่ปุ่ม ‘ชำระคืน’ ที่หน้าบัญชี UOB Car2Cash
2. เลือกบัญชีเงินฝากเพื่อจ่ายยอดสินเชื่อ และเลือกยอดเงินที่ต้องการจ่าย หรือกำหนดเอง
3. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยัน
4. ทำรายการสำเร็จ โดยสลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
1. เลือกบัญชีเงินฝากที่ต้องการดู eStatement
2. เลือกแท็บ ‘รายการ’ และแตะที่ปุ่ม ‘ดู eStatement’ ด้านล่าง
3. เลือกเดือนที่ต้องการดูรายการเดินบัญชี (สามารถดูย้อนหลังได้สูงสุด 5 ปี)
4. รายการเดินบัญชีจะเป็นไฟล์ pdf ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้
1. กดเปิดใช้งานบัตรเดบิตได้ที่หน้าหลัก
2. ตั้งรหัสกด ATM 6 หลัก (คุณสามารถใช้รหัสกดเงินที่ตั้งเองนี้ แทนรหัสที่ได้รับทางไปรษณีย์)
3. ยืนยันด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
1. กดเปิดใช้งานบัตรเครดิตได้ที่หน้าหลัก
2. ตั้งรหัสกด ATM 4 หลัก (คุณสามารถใช้รหัสกดเงินที่ตั้งเองนี้ แทนรหัสที่ได้รับทางไปรษณีย์)
3. ยืนยันด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
1. กดเปิดใช้งานบัตร UOB Cash Plus ได้ที่หน้าหลัก
2. ตั้งรหัสกด ATM 4 หลัก (คุณสามารถใช้รหัสกดเงินที่ตั้งเองนี้ แทนรหัสที่ได้รับทางไปรษณีย์)
3. ยืนยันด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
1. เลือกบัญชีที่ผูกกับบัตรเดบิตที่ต้องการตั้งรหัสกด ATM ใหม่
2. เลือกแท็บ ‘บริการ’ และเลือก ‘ตั้งรหัสกดเอทีเอ็ม’
3. ตั้งรหัสกด ATM 6 หลัก
4. ยืนยันด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
1. เลือกบัญชีบัตรเครดิตที่ต้องการตั้งรหัสกด ATM ใหม่
2. เลือกแท็บ ‘บริการ’ และเลือก ‘ตั้งรหัสกดเอทีเอ็ม’
3. ตั้งรหัสกด ATM 4 หลัก
4. ยืนยันด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
1. เลือกบัญชี UOB Cash Plus ของคุณ
2. เลือกแท็บ ‘บริการ’ และเลือก ‘ตั้งรหัสกดเอทีเอ็ม’
3. ตั้งรหัสกด ATM 4 หลัก
4. ยืนยันด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
1. เลือกบัตรที่ต้องการระงับชั่วคราวหรือยกเลิกการระงับบัตร
2. เลือกแท็บ ‘บริการ’ และเลือก ‘ระงับบัตรชั่วคราว’
3. เมื่อระงับบัตรสำเร็จ บัญชีบัตรที่ถูกระงับจะแสดงสัญลักษณ์ถูกล็อกไว้
4. หากต้องการยกเลิกการระงับบัตร สามารถเลือกทำรายการได้จากแท็บ ‘บริการ’ ของบัญชีบัตรที่ถูกระงับ
1. เลือกบัตรที่ต้องการแจ้งบัตรหายพร้อมระงับบัตรถาวร และขอออกบัตรใหม่
2. เลือกแท็บ ‘บริการ’ และเลือก ‘แจ้งบัตรหาย’
3. กดยืนยันเพื่อแจ้งระงับบัตรถาวร
4. เมื่อยืนยันระงับบัตรถาวรสำเร็จ สามารถกดขอออกบัตรใหม่ต่อได้เลย
5. ตรวจสอบและยืนยันรายละเอียดที่อยู่ของคุณ หลังกดขอออกบัตรใหม่
6. ทำรายการแจ้งขอออกบัตรใหม่สำเร็จ รอรับบัตรใหม่ตามที่อยู่ที่ยืนยันได้เลย
1. เลือกบัตรที่ต้องการแจ้งบัตรชำรุด และขอออกบัตรใหม่
2. เลือกแท็บ ‘บริการ’ และเลือก ‘แจ้งบัตรชำรุด’
3. กดต่อไปเพื่อออกบัตรใหม่แทนบัตรที่ชำรุด
4. ตรวจสอบและยืนยันรายละเอียดที่อยู่ของคุณ
5. ทำรายการแจ้งขอออกบัตรใหม่สำเร็จ รอรับบัตรใหม่ตามที่อยู่ที่ยืนยันได้เลย
1. เลือกบัตรที่ต้องการเปลี่ยนวงเงินถอนเงินสดผ่านตู้ ATM
2. เลือกแท็บ ‘บริการ’ และเลือก ‘เปลี่ยนวงเงินถอนเงินสด’
3. เลือกจำนวนเงินสูงสุดต่อวัน สำหรับถอนเงินผ่านตู้ ATM
4. ตรวจสอบและยืนยัน รายละเอียด (กรณีที่ปรับวงเงินให้สูงขึ้น จะต้องใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก เพื่อยืนยัน)
5. วงเงินใหม่ของคุณจะมีผลทันที เมื่อทำรายการสำเร็จ
1. เลือกบัตรที่ต้องการเปลี่ยนวงเงินใช้จ่าย
2. เลือกแท็บ ‘บริการ’ และเลือก ‘วงเงินใช้จ่าย’
3. เลือกวงเงินใช้จ่ายที่ต้องการเปลี่ยน
4. เลือกจำนวนเงิน หรือกำหนดเอง
5. ตรวจสอบและยืนยัน รายละเอียด (กรณีที่ปรับวงเงินให้สูงขึ้น จะต้องใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก เพื่อยืนยัน)
6. วงเงินใหม่ของคุณจะมีผลทันที เมื่อทำรายการสำเร็จ
1. เลือกบัตรเครดิตที่ต้องการขอวงเงินเพิ่มชั่วคราว
2. เลือกแท็บ ‘บริการ’ และเลือก ‘ขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตชั่วคราว’
3. ระบุจำนวนเงิน และเหตุผล
4. ตรวจสอบและยืนยันรายละเอียด
5. ยืนยันด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
6. วงเงินชั่วคราวจะมีระยะเวลาใช้งาน 30 วัน หรือหักลบ 1 วันในกรณีที่วันสุดท้ายตรงกับวันหยุดทำการ
1. เลือกบัตรเครดิตที่ต้องการทำรายการ และกด ‘เบิกเงิน’
2. เลือกบัญชีรับเงิน และระบุยอดเงินที่ต้องการเบิก
3. ตรวจสอบข้อมูล และเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยันรายการ
4. ทำรายการสำเร็จ โดยยอดเงินจะโอนเข้าบัญชีทันที
1. เลือกบัญชี UOB Cash Plus และกด ‘เบิกเงิน’
2. เลือกบัญชีรับเงิน และระบุยอดเงินที่ต้องการเบิก
3. ตรวจสอบข้อมูล และเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยันรายการ
4. ทำรายการสำเร็จ โดยยอดเงินจะโอนเข้าบัญชีทันที
1. เลือกบัญชีบัตรที่ต้องการดู eStatement
2. เลือกแท็บ “รายการ” และกดปุ่ม “ดู eStatement”
3. เลือกเดือนที่ต้องการดูใบแจ้งยอดโดยสามารถเลือกดูจากรายการย้อนหลัง 6 เดือน หรือกดเลือกปีที่ต้องการดูรายการย้อนหลังได้สูงสุด 5 ปี
ทั้งนี้ ใบแจ้งยอดที่แสดงบนแอป UOB TMRW จะเริ่มมีให้เรียกดูได้ตั้งแต่รอบบิลที่สรุปยอดภายหลังจากการสมัครใช้บริการแอปหรือสมัครใช้บริการ eStatement เรียบร้อยแล้ว
4. ใบแจ้งยอดจะเป็นไฟล์ pdf ซึ่งสามารถดาวน์โหลดหรือส่งอีเมลได้ และ QR/Barcode สำหรับชำระเงินจะอยู่ที่ด้านล่างของใบแจ้งยอดบัญชี
1. เลือกบัญชี UOB Cash Plus ของคุณ
2. เลือกแท็บ ‘รายการ’ และแตะที่ปุ่ม ‘ดู eStatement’ ด้านล่าง
3. เลือกเดือนที่ต้องการดูใบแจ้งยอด โดยสามารถเลือกดูจากรายการย้อนหลัง 6 เดือน หรือกดเลือกปีที่ต้องการดูรายการย้อนหลังได้สูงสุด 5 ปี
ทั้งนี้ ใบแจ้งยอดที่แสดงบนแอป UOB TMRW จะเริ่มมีให้เรียกดูได้ตั้งแต่รอบบิลที่สรุปยอดภายหลังจากการสมัครใช้บริการแอปหรือสมัครใช้บริการ eStatement เรียบร้อยแล้ว
4. ใบแจ้งยอดจะเป็นไฟล์ pdf ซึ่งสามารถดาวน์โหลดหรือส่งอีเมลได้ และ QR/Barcode สำหรับชำระเงินจะอยู่ที่ด้านล่างของใบแจ้งยอดบัญชี
1. เลือกบัตรเครดิตที่ต้องการชำระ และกด ‘จ่าย’
2. เลือกบัญชีเงินฝากสำหรับจ่ายยอดบัตรเครดิต
3. เลือกยอดเงินที่ต้องการจ่าย หรือกำหนดเอง
4. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยัน
5. ทำรายการสำเร็จ โดยสลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
1. เลือกบัญชี UOB Cash Plus และกด ‘จ่าย’
2. เลือกบัญชีเงินฝากสำหรับจ่ายยอด UOB Cash Plus
3. เลือกยอดเงินที่ต้องการจ่าย หรือกำหนดเอง
4. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยัน
5. ทำรายการสำเร็จ โดยสลิปจะถูกบันทึกไว้ในอัลบั้มรูปของคุณ
คุณสามารถตรวจสอบยอดหลังการชำระเงินได้โดยสังเกตุจาก “ยอดที่ใช้” และ “ยอดที่ต้องชำระ” ที่หน้าบัญชีบัตรของคุณ ซึ่งจะลดลงเท่ากับยอดที่คุณได้ทำการชำระ
ก่อนชำระเงิน (ยอดที่ใช้และยอดที่ชำระในกรณีตัวอย่างนี้คือ 10,775.94 บาท)
ชำระเงิน (ตัวอย่าง ชำระเงินจำนวน 1,000 บาท)
หลังชำระเงิน ยอดที่ใช้และยอดที่ต้องชำระลดลงเท่ากับยอดที่ชำระ (ในกรณีตัวอย่างนี้ ยอดลดลง 1,000 บาท เท่ากับจำนวนยอดที่ชำระ)
กรณีที่คุณชำระเต็มจำนวนและมีบัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบแล้วเกิดการกระจายยอดหลังการชำระ ธนาคารจะทำการปรับปรุงยอดให้ภายในวันสรุปยอดบัญชีถัดไป
1. เลือกบัตรเครดิตที่ต้องการทำรายการ
2. เลือกแท็บ “รายการ” และกดปุ่ม “โปรแกรมแบ่งยอดชำระ” ที่ด้านล่างของหน้าจอ
3. เลือกรายการเพื่อเปลี่ยนเป็นยอดผ่อนชำระรายเดือน สูงสุด 5 รายการ รวมยอดขั้นต่ำ 2,000 บาทขึ้นไป
4. เลือกระยะเวลาชำระคืน โดยระบบจะแสดงอัตราดอกเบี้ยและยอดผ่อนชำระให้อัตโนมัติ
5. ตรวจสอบข้อมูลและยืนยันรายการ
1. ล็อกอินเข้าหน้าหลักของแอป และกดการ์ด เครดิตเงินคืน 3%
2. กด ‘ดูหมวดการใช้จ่าย’
3. กด ‘เปลี่ยน’
4. แตะและลากหมวดการใช้จ่ายที่ต้องการเปลี่ยนเพื่อรับเครดิตเงินคืน 3% และกดบันทึก
5. ยืนยันเปลี่ยนหมวดการใช้จ่าย โดยคุณสามารถเปลี่ยนได้เดือนละครั้งเท่านั้น
เลือกเมนู “บัญชี” เพื่อดูรายละเอียดและทำรายการสำหรับบัตรใบปัจจุบันได้
หมายเหตุ: ระหว่างการจัดส่งบัตร จะมีปุ่ม “เปิดใช้งาน” (Activate now) แสดงบนหน้าบัตร กรุณากดปุ่มนี้เมื่อได้รับบัตรใหม่แล้วเท่านั้น
เลือกบัตรที่ต้องการดูรายละเอียด
ดูรายละเอียดของบัตร รวมถึงทำรายการต่างๆ เช่น ชำระค่าบัตร ได้ตามปกติ
ดูรายการใช้จ่าย
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. เลือก ‘รีวอร์ดของคุณ’
3. หน้าจอจะแสดงคะแนนสะสม โดยแยกตามบัตรที่มีทั้งหมด กดเลือกบัตรที่ต้องการดูรายละเอียด
4. หน้าจอจะแสดงคะแนนสะสมคงเหลือ และคะแนนสะสมที่กำลังจะหมดอายุ และประวัติการสะสมการใช้คะแนน
5. คุณสามารถดูประวัติคะแนนสะสมย้อนหลังได้สูงสุด 3 เดือน โดยเลือก ‘ดูทั้งหมด’
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. เลือกดูดีลตามหมวดหมู่ที่ต้องการ ได้แก่ สินค้าและบริการ, ร้านอาหาร และท่องเที่ยว
3. หน้าจอจะแสดงดีลแนะนำ ดีลใหม่ และยังสามารถเลือกดูตามประเภทดีลที่เกี่ยวข้องได้
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. กดเปลี่ยนประเทศที่มุมซ้ายบน เพื่อดูสิทธิพิเศษตามประเทศต่างๆ
3. เลือกประเทศที่ต้องการดูสิทธิพิเศษ
4. หน้าจอจะแสดงสิทธิพิเศษและดีลที่เกี่ยวข้องตามประเทศที่เลือก
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. เลือก ‘แลกคะแนน’
3. เลือกสินค้าที่ต้องการแลก
4. อ่านรายละเอียดของสินค้า และกดแลกคะแนน
5. เลือกบัตรเครดิตที่ต้องการใช้คะแนน
6. เลือกจำนวนสินค้า โดยหน้าจอจะแสดงยอดรวมของคะแนนที่จะใช้
7. กรอกที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า
8. ตรวจสอบรายละเอียดและเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยันรายการ
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. เลือก ‘แลกคะแนน’
3. เลือกดีลที่ต้องการแลก
4. อ่านรายละเอียดการแลกคะแนน และกดแลกคะแนน
5. หน้าจอจะแสดงหมายเลขสมาชิกของพาร์ทเนอร์ เลือกบัตรที่ต้องการใช้คะแนน
6. เลือกจำนวนคะแนนที่ต้องการแลก โดยหน้าจอจะแสดงยอดรวมของคะแนนที่จะใช้
7. ตรวจสอบรายละเอียดและเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยันรายการ
8. การแลกคะแนนสำเร็จ ซึ่งไมล์หรือคะแนนของพาร์ทเนอร์จะเข้าบัญชีที่คุณกำหนดไว้ ภายใน 3-5 วันทำการ
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. เลือก ‘แลกคะแนน’
3. เลือกบัตรกำนัลหรือ e-Voucher ที่ต้องการแลก
4. อ่านรายละเอียดบัตรกำนัลหรือ e-Voucher และกดแลกคะแนน
5. เลือกบัตรเครดิตที่ต้องการใช้คะแนน
6. เลือกจำนวนบัตรกำนัลหรือ e-Voucher โดยหน้าจอจะแสดงยอดรวมของคะแนนที่จะใช้
7. ตรวจสอบรายละเอียดและเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยัน
8. การแลกคะแนนสำเร็จ ซึ่งคุณสามารถดูและใช้ e-Voucher ได้ที่ ‘รีวอร์ดของคุณ’
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. เลือก ‘รีวอร์ดของคุณ’
3. เลือกบัตรเครดิตที่ต้องการทำรายการ
4. เลือก ‘จ่ายด้วยคะแนนสะสม’ (Pay with Points) เพื่อเริ่มทำรายการ
5. เลือกรายการที่ต้องการจ่ายด้วยคะแนนสะสม (รายการไม่เกิน 60 วัน เลือกได้สูงสุด 20 รายการ)
6. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยันทำรายการ
7. เครดิตเงินคืนจะโอนเข้าบัตรของคุณ ภายใน 2 วันทำการ
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. เลือก ‘รีวอร์ดของคุณ’
3. เลือกบัตรเครดิตที่ต้องการทำรายการ
4. เลือก ‘จ่ายด้วยคะแนนสะสม’ (Pay with Points) เพื่อเริ่มทำรายการ
5. เลือก 1 รายการที่ต้องการจ่ายด้วยคะแนนสะสม (รายการไม่เกิน 60 วัน)
6. ระบุจำนวนเงินที่ต้องการใช้คะแนนสะสมจ่ายแทนบางส่วน
7. ตรวจสอบรายละเอียด และเลื่อนลูกศรเพื่อยืนยันทำรายการ
8. เครดิตเงินคืนจะโอนเข้าบัตรของคุณ ภายใน 2 วันทำการ
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. เลื่อนลงไปที่หัวข้อ ‘คูปองจากยูโอบี’ และกดคูปองที่ต้องการเก็บ
3. อ่านรายละเอียดคูปอง รวมถึงข้อตกลงและเงื่อนไข และกด ‘รับคูปอง’
4. คุณสามารถใช้คูปองได้ทันที หรือเลือกดูคูปองที่เก็บไว้ในรีวอร์ดของคุณ
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. เลือก ‘รีวอร์ดของคุณ’
3. เลือก ‘คูปองยูโอบี’
4. เลือกคูปองที่ต้องการใช้งาน
5A. คูปองแบบออนไลน์ – นำรหัสคูปองไปใช้ที่ร้านค้าหรือแอปพลิเคชันของร้านค้า
5B. คูปองแบบออฟไลน์ – กด ‘ใช้ทันที’ และให้พนักงานร้านค้าใส่ PIN เพื่อใช้คูปอง
1. เลือก ‘รีวอร์ด’ หรือ ‘Rewards+’
2. เลือก ‘รีวอร์ดของคุณ’
3. เลือก ‘E-Voucher’
4. เลือก e-Voucher ที่ต้องการใช้งาน
5. ใช้ e-Voucher ได้ทันที
1. แตะที่ ‘รีวอร์ด+’ หรือ ‘Rewards+’
2. กดที่แบนเนอร์ ‘ร่วมโปรโมชันส่งเสริมการขายต่างๆ’
3. เลือกรายการส่งเสริมการขายที่สนใจ และกดลงทะเบียน
4. กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนร่วมรายการ โดยคุณจะได้รับ SMS ยืนยันลงทะเบียนสำเร็จ
1. ล็อกอินแอปและเลือกเมนูทรัพย์สิน (Wealth)
2. แอปจะแสดงมูลค่ารวมทรัพย์สินของคุณเป็นสกุลเงินบาท ประกอบด้วย
3. กด “ยอดรวมเงินฝาก” เพื่อดูยอดรวมบัญชีเงินฝากและยอดเงินในแต่ละบัญชีของคุณ
4. กด “การลงทุน” เพื่อดูมูลค่ารวมของกองทุนรวมที่คุณมีกับธนาคาร โดยสามารถกดดูรายละเอียดของแต่ละกองทุน และทำรายการซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนกองทุนได้
5. กด “มูลค่ารวมเงินสดกรมธรรม์” เพื่อดูมูลค่ารวมเงินสดกรมธรรม์ของผลิตภัณฑ์ประกันที่คุณมีกับธนาคาร โดยสามารถกดดูรายละเอียดของแต่ละกรมธรรม์ได้
1. ล็อกอินแอปและเลือกเมนูทรัพย์สิน (Wealth)
2. กด “การลงทุน” เพื่อดูมูลค่ารวมของกองทุนรวม และรายละเอียดของแต่ละกองทุนที่คุณมีกับธนาคาร
3. เลือกกองทุนที่คุณต้องการดูรายละเอียด
4. คุณสามารถดูข้อมูลกองทุน และทำรายการซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนกองทุนได้
1. ล็อกอินแอปและเลือกเมนูทรัพย์สิน (Wealth)
2. เลื่อนลงมาที่หัวข้อกองทุนรวม และเลือกไอคอนซื้อกองทุนรวม
3. เลือกซื้อกองทุนรวมได้ 2 แบบ
4A. กองทุนแนะนำสำหรับคุณ – เลือกพอร์ตการลงทุนที่เหมาะกับคุณ จาก 4 พอร์ตการลงทุนที่เราแนะนำ
4B. เลือกกองทุนด้วยตัวคุณเอง – ค้นหากองทุนโดยระบุชื่อ หรือกดดูกองทุนทั้งหมดแล้วฟิลเตอร์หาประเภทกองทุนที่คุณต้องการ
5. อ่านรายละเอียดข้อมูลกองทุน ผลการดำเนินงาน และกดปุ่ม “ทำรายการต่อ เพื่อลงทุน”
6. ยืนยันว่าคุณไม่ใช่ พลเมือง หรือผู้พำนักถาวรใดๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือดินแดนของสหรัฐอเมริกา (ไม่เกี่ยวข้องกับ FATCA)
7. เลือกบัญชีกองทุนที่ต้องการทำรายการ
8. ระบุจำนวนเงินที่ต้องการลงทุน และเลือกบัญชีเงินฝากหรือบัตรเครดิต*เพื่อชำระเงินค่าซื้อหน่วยลงทุน
*สามารถเลือกบัตรเครดิตได้เฉพาะกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี และลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท
9. ตรวจสอบรายละเอียดและยืนยันรายการ พร้อมใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก
10. ทำรายการสำเร็จ โดยคุณสามารถตรวจสอบสถานะการทำรายการได้ที่ “รายการของคุณ”
1. ล็อกอินแอปและเลือกเมนูทรัพย์สิน (Wealth)
2. เลือกกองทุนที่คุณต้องการทำรายการ
3. เลือก “ขาย”
4. อ่านรายละเอียดและกด “ทำต่อ” กรณีกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี* จะต้องตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีก่อน
*สำหรับบลจ.กรุงศรี และ บลจ.กรุงไทย ไม่ให้ขายคืนกองที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่านทางแอป
5. ระบุจำนวนหน่วยที่ต้องการขาย หรือจำนวนเงิน (จำนวนเงินโดยประมาณที่จะได้รับจากการขายคืน)
6. ตรวจสอบรายละเอียดและยืนยันรายการ พร้อมใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก
7. ทำรายการสำเร็จ โดยคุณสามารถตรวจสอบสถานะการทำรายการได้ที่ “รายการของคุณ”
1. ล็อกอินแอปไปที่เมนูทรัพย์สิน (Wealth) และเลือก “การลงทุน”
2. เลือกกองทุนที่คุณต้องการทำรายการ
3. เลือก “สับเปลี่ยน”
4. อ่านรายละเอียดและกด “ทำต่อ”
5. ระบุจำนวนหน่วย หรือจำนวนเงินโดยประมาณที่ต้องการสับเปลี่ยน และเลือกกองทุนที่ต้องการสับเปลี่ยนเข้า
6. ตรวจสอบรายละเอียดและยืนยันรายการ พร้อมใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก
7. ทำรายการสำเร็จ โดยคุณสามารถตรวจสอบสถานะการทำรายการได้ที่ “รายการของคุณ”
1. ล็อกอินแอปและเลือกเมนูทรัพย์สิน (Wealth)
2. เลื่อนลงมาที่หัวข้อกองทุนรวม และเลือกไอคอนซื้อกองทุนรวม
3. เลือกกองทุนที่ต้องการลงทุน อ่านรายละเอียดข้อมูลกองทุน ผลการดำเนินงาน และยืนยันว่าคุณไม่ใช่ พลเมือง หรือผู้พำนักถาวรใดๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือดินแดนของสหรัฐอเมริกา (ไม่เกี่ยวข้องกับ FATCA)
4. เลือกลงทุนสม่ำเสมอ รายเดือน ระบุจำนวนเงิน วันที่เริ่มต้น จำนวนเดือน และเลือกบัญชีเพื่อชำระเงินค่าซื้อหน่วยลงทุน
5. ตรวจสอบรายละเอียดและยืนยันรายการ พร้อมใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก
6. ทำรายการสำเร็จ โดยคุณสามารถตรวจสอบสถานะการทำรายการได้ที่ “รายการของคุณ”
1. ล็อกอินแอปและเลือกเมนูทรัพย์สิน (Wealth)
2. เลื่อนลงมาที่หัวข้อกองทุนรวมและเลือก “รายการของคุณ”
3. เลือกแท็บ “รายการตั้งล่วงหน้า” เลื่อนหารายการที่ต้องการแก้ไขและกด “จัดการ”
4. คุณสามารถแก้ไขจำนวนเงินลงทุนต่อเดือน หรือจำนวนเดือน แล้วกดบันทึก
5. ตรวจสอบรายละเอียดและยืนยันรายการ พร้อมใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก
6. ทำรายการสำเร็จ โดยคุณสามารถตรวจสอบสถานะการทำรายการได้ที่ “รายการของคุณ”
1. วิธียกเลิกการลงทุนสม่ำเสมอรายเดือน
2. เลื่อนลงมาที่หัวข้อกองทุนรวมและเลือก “รายการของคุณ”
3. เลือกแท็บ “รายการตั้งล่วงหน้า” เลื่อนหารายการที่ต้องการยกเลิกและกด “จัดการ”
4. เลือก “ยกเลิก”
5. ตรวจสอบรายละเอียดและยืนยันรายการ พร้อมใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก
6. ทำรายการสำเร็จ โดยคุณสามารถตรวจสอบสถานะการทำรายการได้ที่ “รายการของคุณ”
1. ล็อกอินแอปและเลือกเมนูทรัพย์สิน (Wealth)
2. เลื่อนลงมาที่หัวข้อกองทุนรวมและเลือก “ดู eStatement”
3. เลือกบัญชีกองทุนที่ต้องการดู eStatement
4. เลือกเดือนที่ต้องการดูรายการ
5. รายการจะเป็นไฟล์ pdf ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้
1. แตะที่ไอคอน “โปรไฟล์” ที่มุมขวาด้านบน
2. เลือก ‘รหัสผ่าน และความปลอดภัย’
3. เลือก ‘เปลี่ยน Secure PIN’
4. เลือก ‘ลืมรหัส?’
5. เลือกวิธียืนยันตัวตนได้ 2 แบบ
6. ตั้งรหัส Secure PIN 6 หลัก และยืนยันรหัสใหม่ของคุณ
1. แตะที่ไอคอน “โปรไฟล์” ที่มุมขวาด้านบน
2. เลือก “รหัสผ่านและความปลอดภัย”
3. เลือก “เปลี่ยนรหัสผ่าน”
4. ใส่ Password ปัจจุบันและตั้ง Password ใหม่
5. ยืนยันการเปลี่ยน Password ใหม่ และสามารถล็อกอินแอปด้วย Password ใหม่ได้เลย
1. แตะที่ไอคอน “โปรไฟล์” ที่มุมขวาด้านบน
2. เลือก “รหัสผ่านและความปลอดภัย”
3. แตะเปิด/ปิด การใช้งาน ‘เข้าสู่ระบบด้วย Secure PIN’
4. ใส่รหัส Secure PIN 6 หลัก เพื่อยืนยัน กรณีเปิดใช้งาน
1. แตะที่ไอคอน “โปรไฟล์” ที่มุมขวาด้านบน
2. เลือก “รหัสผ่านและความปลอดภัย”
3. แตะเปิด/ปิด การใช้งาน ‘เข้าสู่ระบบด้วย Face หรือ Fingerprint’
4. ยืนยันการเปิด/ยกเลิกการใช้งาน Face หรือ Fingerprint เพื่อล็อกอินแอป
1. แตะที่ไอคอน “โปรไฟล์” ที่มุมขวาด้านบน
2. เลือก “ข้อมูลส่วนตัว”
3. กด “แก้ไข” ที่หัวข้อ ข้อมูลการติดต่อ
4. แก้ไขข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของคุณ (เบอร์ในประเทศไทย)
กรณีต้องการเปลี่ยนไปใช้งานเบอร์มือถือต่างประเทศ สามารถกดลิงก์ในแถบสีเหลืองอ่อนและทำตามขั้นตอนที่แอปแนะนำ
5. ตรวจสอบและยืนยันด้วย Secure PIN 6 หลัก
6. ข้อมูลที่แก้ไขจะอัปเดตภายใน 1 วันทำการ
1. แตะที่ไอคอน ‘โปรไฟล์’ ที่มุมขวาด้านบน
2. เลือก ‘ข้อมูลส่วนตัว’
3. เลือกแก้ไขข้อมูลการติดต่อ
4. แก้ไขข้อมูลอีเมลของคุณ
5. ตรวจสอบและยืนยันด้วย Secure PIN 6 หลัก
6. ข้อมูลที่แก้ไขจะอัปเดตภายใน 1 วันทำการ
1. แตะที่เมนู ‘บริการ’ มุมขวาล่าง
2. เลือก ‘ตั้งค่าพร้อมเพย์’ ที่หัวข้อ บริการอื่น
3. เลือกผูกพร้อมเพย์ด้วยหมายเลขเลขบัตรประชาชน หรือเบอร์มือถือของคุณ
4. เลือกบัญชีที่ต้องการผูกพร้อมเพย์
5. ตรวจสอบรายละเอียด และยืนยันด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
1. แตะที่เมนู ‘บริการ’ มุมขวาล่าง
2. เลือก ‘ตั้งค่า statements
3. ติ๊กถูก (✔️) หน้าบัญชีที่ต้องการยกเลิกรับใบแจ้งยอดทางไปรษณีย์ (หากต้องการรับ ให้เอาเครื่องหมายถูกออก) โดยคุณจะยังดู eStatement บนแอปได้ตามปกติ
4. ยืนยันการตั้งค่าด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
1. ล็อกอินแอปและเลือกเมนู “บริการ” ที่มุมขวาล่าง
2. ไปที่หัวข้อตั้งค่าเกี่ยวกับ statements และเลือก “วิธีการแจ้งเตือน”
3. เลือก SMS หรือ อีเมล เป็นช่องทางรับการแจ้งเตือน เมื่อรายการเดินบัญชี/ใบแจ้งยอดของคุณพร้อมให้ดูได้ในแอป จากนั้นกด “บันทึก”
4. ยืนยันการตั้งค่าด้วยรหัส Secure PIN 6 หลัก
เราใช้คุกกี้จำเป็นและคุกกี้บุคคลภายนอกเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของท่าน การเรียกดูไซต์นี้ต่อไปแสดงว่าคุณยอมรับการใช้งานของเรา