คำแนะนำ / กฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายข้างต้น ธปท. ได้ดำเนินการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งล่าสุดในเดือนเมษายน 2565 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

  1. ผ่อนคลายการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของคนไทย ทั้งในมิติการโอนเงินออกนอกประเทศ และการชำระระหว่างกันในประเทศ โดย
    1. ยกเลิกวงเงินเพื่อโอนไปให้กู้ยืมแก่กิจการนอกเครือในต่างประเทศ และไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ (เดิมมีวงเงิน 50 ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปี)
    2. และเพิ่มวัตถุประสงค์การโอนเงินที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจาก ธปท. เป็นรายกรณี เช่น การซื้อหรือโอนเงินไปฝากเข้าบัญชีตนเองในต่างประเทศ เพื่อชำระรายจ่ายในต่างประเทศ
    3. ให้ผู้ประกอบการไทยซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อโอนชำระรายจ่ายระหว่างกันภายในประเทศได้ ตามความจำเป็น เช่น การชำระค่าสินค้าที่กำหนดราคาอ้างอิงตลาดโลก (เดิมการโอนระหว่างกันทำได้ผ่านบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศเท่านั้น)
  2. ให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ในขอบเขตที่กว้างขึ้น เช่น การทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (hedge) จากการซื้อขายสินค้าที่กำหนดราคาอ้างอิงตลาดโลกกับ คู่ค้าในประเทศ การ hedge แทนกิจการในเครือในประเทศ การ hedge ประมาณการรายรับรายจ่ายเงินตราต่างประเทศที่มากกว่า 1 ปี รวมถึงการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนบนงบการเงิน (balance sheet hedge) เพื่อให้ ผู้ประกอบธุรกิจทั้งผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และผู้ประกอบการใน supply chain สามารถบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้คล่องตัวขึ้น จากเดิมที่ต้องขออนุญาตเป็นรายกรณี
  3. ลดภาระการแสดงเอกสารในการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ โดยลูกค้าที่ผ่านกระบวนการ Know Your Business ของธนาคารพาณิชย์ ไม่ต้องแสดงเอกสารประกอบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ (เดิมต้องแสดงเอกสารรายธุรกรรม) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและภาระด้านเอกสาร ตลอดจนเอื้อต่อการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์

การผ่อนคลายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป