You are now reading:
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับเงินสำรองฉุกเงิน
ในบางช่วงเวลาของชีวิต เราอาจประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ การชุมนุมทางการเมือง การก่อการร้าย ภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาด ทำให้ขาดรายได้ หรือมีรายได้ลดลงทำให้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่าง ๆ หรืออาจประสบกับเหตุฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เงินในการแก้ปัญหา เช่น การเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ หรือการถูกเลิกจ้างกะทันหัน เป็นต้น การมีเงินเก็บสำรองเผื่อไว้ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินจะช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องทางการเงินไปได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่หากคุณกำลังสงสัยว่าแล้วเงินสำรองฉุกเฉินที่ต้องเก็บไว้ควรเป็นจำนวนเงินเท่าไร และหากไม่สามารถเก็บสำรองเงินฉุกเฉินได้เพียงพอจะทำอย่างไรได้บ้าง บทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์มาฝาก
เงินสำรองฉุกเฉิน คืออะไร
เงินสำรองฉุกเฉิน คือ เงินที่มีสภาพคล่องสูง เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายสามารถเบิกถอนมาใช้ได้ง่ายและรวดเร็ว เช่น เงินสดที่ฝากไว้กับธนาคาร หรือการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง สามารถแปลงเป็นเงินสดเพื่อนำมาใช้จ่ายได้ภายในระยะเวลา 1-2 วัน เช่น หน่วยลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และหน่วยลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน เป็นต้น
ทำไมถึงควรมีเงินสำรองฉุกเฉิน
การวางแผนการเงินเพื่อเก็บสำรองเงินฉุกเฉินไว้แต่เนิ่น ๆ อาจเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม แต่ในความเป็นจริงแล้วการมีเงินสำรองฉุกเฉินมีความสำคัญและมีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้
- สร้างความมั่นคงทางการเงิน ทำให้มั่นใจได้ว่ามีจำนวนเงินสำรองเพียงพอเพื่อรับมือกับปัญหาเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
- หลีกเลี่ยงการก่อหนี้ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่จำเป็นต้องไปกู้ยืมเงินจากผู้อื่นซึ่งอาจทำให้เกิดภาระหนี้สินตามมาได้
- รักษาคุณภาพชีวิต ช่วยให้สามารถรักษามาตรฐานการใช้ชีวิตได้ แม้ในยามที่ขาดรายได้หรือมีรายได้ลดลง
- ลดความเครียด การรู้ว่ามีเงินฉุกเฉินพร้อมใช้ ช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเงินที่อาจเกิดขึ้น
- เพิ่มโอกาสทางการเงิน เงินสำรองช่วยให้คุณมีทางเลือกมากขึ้น เช่น สามารถลาออกจากงานประจำ เพื่อแสวงหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ ๆ ได้
- ป้องกันการถอนเงินจากการลงทุนระยะยาว ช่วยให้ไม่ต้องถอนเงินจากการลงทุนระยะยาว ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเป้าหมายทางการเงินในอนาคต
เงินสำรองฉุกเฉินควรเก็บเท่าไรถึงจะเพียงพอ
จำนวนเงินสำรองฉุกเฉินที่เหมาะสมนั้นไม่ได้มีกำหนดไว้ตายตัว หากแต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามนักวางแผนการเงินส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้เก็บเงินสำรองฉุกเฉินไว้ที่ประมาณ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายจำเป็นในแต่ละเดือน ซึ่งสามารถคำนวณได้จากสูตรด้านล่างนี้
- เงินสำรองฉุกเฉิน = ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน x ระยะเวลา 3-6 เดือน
ตัวอย่างเช่น หากคุณมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 20,000 บาท เงินฉุกเฉินที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 60,000 ถึง 120,000 บาท ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและความมั่นคงของแหล่งรายได้ ตามปัจจัยดังนี้
- ความมั่นคงของรายได้ หากคุณมีรายได้ที่ไม่แน่นอน เช่น ทำงานฟรีแลนซ์หรือทำธุรกิจส่วนตัว ควรเก็บเงินสำรองเงินไว้มากกว่า 6 เดือน
- สถานะครอบครัว ผู้ที่มีครอบครัวหรือผู้ที่ต้องดูแล อาจต้องการเงินสำรองมากกว่าคนโสด
- สุขภาพ หากคุณหรือคนในครอบครัวมีปัญหาสุขภาพ อาจต้องเก็บเงินสำรองเพิ่มเติมสำหรับค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้น
- อายุและระยะเวลาก่อนเกษียณ ผู้ที่ใกล้เกษียณอายุอาจต้องการเงินฉุกเฉินมากกว่าคนที่อยู่ในวัยทำงานตอนต้น
เงินสำรองฉุกเฉินควรเก็บไว้ที่ไหน
จากนิยามของเงินสำรองฉุกเฉินที่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้น จะเห็นได้ว่าการเลือกวิธีการเก็บเงินสำรองฉุกเฉินนั้นควรจะต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การใช้งานของเงินสำรองฉุกเฉินซึ่งต้องคำนึงถึงสภาพคล่องเป็นปัจจัยหลัก ตัวอย่างวิธีการเก็บเงินสำรองฉุกเฉินที่คุณสามารถทำได้ เช่น เงินฝากออมทรัพย์ กองทุนตราสารหนี้ กองทุนรวมตลาดเงิน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การฝากเงินไว้กับธนาคารมักจะได้รับผลตอบแทนต่ำ ในขณะเดียวกันการซื้อกองทุนต่าง ๆ อาจมีความผันผวน ทำให้อาจได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าที่คาดหวัง การนำเงินออมส่วนอื่น ๆ ไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นที่มีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยทำให้เงินของคุณงอกเงยได้
เงินสำรองฉุกเฉินไม่เพียงพอทำอย่างไรดี
สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเก็บเงินได้ตามเป้าหมายหรือไม่ หรือผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันต่าง ๆ อย่างเร่งด่วนแต่พบว่ามีเงินสำรองฉุกเฉินไม่เพียงพอ
ขอแนะนำ บัตรกดเงินสดยูโอบี แคชพลัส (UOB CASH PLUS)
บัตรกดเงินสดที่เปรียบเสมือนสินเชื่อเงินด่วนออนไลน์ พร้อมใช้ในทุกสถานการณ์
- วงเงินสูงสุดถึง 1,000,000 บาท*
- ดอกเบี้ยเพียง 70 สตางค์/วัน เมื่อเบิกถอนเงินสด 1,000 บาท
- ฟรีค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสดทุกช่องทาง ผ่านตู้ ATM ของทุกธนาคารทั้งในและต่างประเทศ หรือผ่านสาขาธนาคารยูโอบี หรือผ่านแอปพลิเคชัน UOB TMRW เข้าบัญชีเงินฝากยูโอบี
- วงเงินพร้อมใช้ เปลี่ยนวงเงินบนบัตรเป็นวงเงินพร้อมใช้ ผ่อนนานสูงสุด 48 เดือน
- ชำระคืนขั้นต่ำเพียง 2.5% ของยอดคงค้างชำระ
- การคิดดอกเบี้ยจะคิดตามวันที่ใช้จริงเท่านั้น
- สมัครง่าย ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน
- สมัครเพียงครั้งเดียว สามารถใช้วงเงินได้ตลอดชีพ
- ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี
หากสนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บัตรกดเงินสดยูโอบี แคชพลัส หรือสมัครสินเชื่อออนไลน์ได้ที่นี่
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
ข้อมูลอ้างอิง
- How To Create An Emergency Fund. สืบค้นวันที่ 15 ตุลาคม 2567 จาก
https://www.forbes.com/advisor/banking/how-to-create-an-emergency-fund/ - How to start (and build) an emergency fund. สืบค้นวันที่ 15 ตุลาคม 2567 จาก
https://www.bankrate.com/banking/savings/starting-an-emergency-fund/?tpt=a
