You are now reading:
7 เทคนิคการขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็กให้ผ่านฉลุย
คุณกำลังอยู่ที่ ลูกค้าองค์กร
You are now reading:
7 เทคนิคการขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็กให้ผ่านฉลุย
ในการทำธุรกิจทั้งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ “เงินทุน” เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นเท่านั้น เงินทุนยังเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้ออำนวยให้เจ้าของธุรกิจสามารถขยายธุรกิจได้ตามแผนงานที่วางไว้ด้วย แม้ว่าในปัจจุบันเจ้าของธุรกิจจะสามารถจัดหาเงินทุนได้จากแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย แต่การขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจกับธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ยังคงได้รับความนิยม โดยเทคนิคการขอสินเชื่อให้สำเร็จอย่างรวดเร็วและราบรื่นมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME คือ บริการทางการเงินที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินมอบให้แก่ผู้ประกอบการซึ่งดำเนินธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ต้องการเงินทุนไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจหรือขยายธุรกิจให้เติบโต สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME นั้นมีหลากหลายรูปแบบทั้งสินเชื่อระยะสั้นและระยะยาว โดยจำนวนวงเงินสินเชื่อจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการขอสินเชื่อด้วย
การขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจให้สำเร็จอย่างราบรื่น ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจ SME จะต้องเตรียมเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ให้พร้อมอยู่เสมอ ดังนี้
การจดทะเบียนการค้าในกรณีทำธุรกิจในนามส่วนตัว หรือจดทะเบียนนิติบุคคลในกรณีทำธุรกิจในนามบริษัทอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจแล้ว ยังช่วยให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ให้บริการสินเชื่อสามารถตรวจสอบข้อมูลการประกอบธุรกิจของเราได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
โดยปกติแล้ว ธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ให้บริการสินเชื่อจะพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อโดยอ้างอิงจากข้อมูลในเอกสารหรือหลักฐานประกอบการขอสินเชื่อ โดยเฉพาะเอกสารทางการเงิน เช่น บัญชีรายรับ-รายจ่าย หรือการเดินบัญชีเป็นประจำ การแยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจ จะช่วยให้การพิจารณาเอกสารทางการเงินต่าง ๆ มีความชัดเจนและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เนื่องจากธนาคารหรือสถาบันการเงินจะประเมินความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อโดยพิจารณาจากประวัติการชำระหนี้ของธุรกิจประกอบด้วย ดังนั้นการสร้างเครดิตหรือการสร้างประวัติการเป็นลูกหนี้ที่ดี เช่น การจ่ายชำระหนี้ตรงเวลา การไม่ผิดนัดชำระหนี้ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจได้เป็นอย่างมาก
การรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็น ประวัติและข้อมูลของธุรกิจ รูปแบบการดำเนินกิจการ สินค้าและบริการ ผลงาน รวมถึงรายงานผลประกอบการของธุรกิจที่ผ่านมาให้เป็นเป็นปัจจุบันอยู่เสมอจะช่วยทำให้การดำเนินการขอสินเชื่อเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
การศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสินเชื่อ การเปรียบเทียบข้อมูลสินเชื่อจากผู้ให้บริการสินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงการเลือกสินเชื่อที่เหมาะกับธุรกิจและสามารถตอบโจทย์วัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น ให้ประเภทสินเชื่อที่ต้องการ ปริมาณวงเงินที่เพียงพอ และระยะเวลาการผ่อนชำระที่เหมาะสม จะช่วยให้การดำเนินการขอสินเชื่อมีความชัดเจนและตรงกับความต้องการมากที่สุด
นอกจากนี้ในขั้นตอนการเตรียมตัวเพื่อขอสินเชื่อ ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจ SME สามารถเตรียมหลักทรัพย์ที่อาจจะต้องใช้เป็นหลักประกันไว้ก่อนได้ ในกรณีที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินนำเสนอสินเชื่ออื่น ๆ ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการขอสินเชื่อมากกว่า หรือให้สิทธิประโยชน์มากกว่า เช่น ได้วงเงินสินเชื่อสูงกว่า หรือมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า แต่สินเชื่อนั้นมีเงื่อนไขว่าจำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เจ้าของธุรกิจจะได้สามารถดำเนินการขอสินเชื่อต่อไปได้โดยไม่ต้องหยุดชะงัก
การเตรียมเอกสารตามเงื่อนไขของธนาคารหรือสถาบันการเงินให้ถูกต้องและครบถ้วนในคราวเดียว จะช่วยให้ขั้นตอนการยื่นเอกสารประกอบการขอสินเชื่อดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจ SME ควรจะต้องพิจารณาก่อนการขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ก็คือ การเลือกธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการ ซึ่งสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยดังต่อไปนี้
เนื่องจากสินเชื่อแต่ละประเภทมีรายละเอียดและเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปในหลาย ๆ ด้าน เช่น วงเงินสินเชื่อ ดอกเบี้ย และระยะเวลาการผ่อนชำระ ในกรณีที่เจ้าของธุรกิจ SME ต้องการขอสินเชื่อระยะสั้น การเลือกธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เน้นให้บริการสินเชื่อระยะสั้น ก็น่าจะให้ข้อเสนอหรือสิทธิประโยชน์ของสินเชื่อที่ดีกว่า เช่น มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า หรือให้วงเงินที่มากกว่า เป็นต้น
เมื่อนโยบายการปล่อยสินเชื่อของแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงินมีความแตกต่างกัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาในการผ่อนชำระแตกต่างกันออกไปด้วย เจ้าของธุรกิจจึงจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดข้อมูลอัตราดอกเบี้ย รวมถึงระยะเวลาในการผ่อนชำระของแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะพิจารณาเปรียบเทียบ เพื่อหาสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการและสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต
นอกจากการพิจารณาเลือกธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ให้บริการสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาในการผ่อนชำระที่ตรงกับความต้องการแล้ว เจ้าของธุรกิจ SME ยังควรจะต้องพิจารณาด้วยว่าหากสินเชื่อผ่านการอนุมัติ วงเงินสินเชื่อที่จะได้รับจากธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้น ๆ เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงจำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ในการค้ำประกันด้วยหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาได้ เช่น วงเงินสินเชื่อที่ได้รับไม่เพียงพอต่อการนำมาใช้ในการขยายธุรกิจทำให้ต้องดำเนินการขอสินเชื่ออื่น ๆ เพิ่มเติม หรือเกิดความล่าช้าในการยื่นขอสินเชื่อ เนื่องจากไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์ที่จะใช้เป็นหลักประกันไว้ล่วงหน้า
ท้ายที่สุดผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจ SME ควรจะต้องพิจารณาเลือกธนาคารหรือสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูและของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจากเป็นแหล่งเงินกู้ที่ถูกกฎหมายและมีความน่าเชื่อถือ
อย่าปล่อยให้โอกาสทางธุรกิจหลุดลอยไป ด้วยการขยายธุรกิจให้เติบโตด้วยสินเชื่อ UOB BizMoney
*พิเศษ อัตราดอกเบี้ย MRR – 2.25% ต่อปี สำหรับ 3 เดือนแรก เดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดตามอัตราดอกเบี้ย MRR ต่อปี สำหรับการยื่นขอสินเชื่อตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 – 28 ก.พ. 68
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อ UOB BizMoney หรือสมัครสินเชื่อออนไลน์ได้ที่นี่